รายการที่น่าสนใจ

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

Fam Trip 5-8 sep 2012 บินลัดฟ้า สู่เมียนมาร์ (ตอนที่ 1)


บินลัดฟ้า สู่พม่า ไปกับสายการบิน บางกอก แอร์เวย์
Fam trip 5-8 sep 2012 (ตอนที่ 1)
พม่า หรือ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เป็นเหมือนดินแดนสวรรค์ ที่ใคร ๆ หลายท่าน อยากเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้งในชีวิต วันนี้ดินแดนแห่งนี้ เปิดประตูแล้วสำหรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน ให้เดินทางมาสะดวกยิ่งขึ้น                                  ด้วยสายการบิน บางกอกแอร์เวย์                                                             ที่จะนำท่าน ไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างมีความสุข
<!--[endif]-->




วันแรกของการเดินทาง                                     วันพุธ ที่ 5 กันยายน 2555
คณะได้รับการนัดหมาย ให้มารวมตัวกัน ในเวลา 07.00 น. แต่ต่างคนก็ต่างมา กันคนละที่ หน้าตาก็ยังไม่เคยพานพบกันมาก่อน หลายท่านเจอกันในที่ต้อนรับก็ได้แต่มอง แล้วก็อมยิ้มให้แก่กันไปบ้าง เป็นการทักทาย เปิดทางด้วยรอยยิ้มให้เกิดมิตรภาพในเบื้องต้น สำหรับการเดินทางในวันนี้ค่ะ
พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง ก็ต้องผ่านด่านตรวจเข้าไปด้านใน ใช้ระยะเวลาในการเดินอ้อมไปอ้อมมา ในสนามบิน เกินกว่า 10 นาที ยังนึกว่า เดินไกลมาก แต่ก็วน ๆ อยู่ที่เดิมนั่นแหละ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหนื่อยนะเนี่ย ...
ก่อนจะไปขึ้นเครื่องเราก็ไปเตรียมตัวรอ เช็ค Boarding Pass ก่อน มาถึงตรงนี้ก็ทำให้ได้เห็นหน้าคาตาของหลาย ๆ ท่าน ที่จะได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ก็ทักทายกันพอเป็นพิธี ที่สำคัญได้รู้จักกับอาจารย์จรูญ วรรธนะสิน พี่ย่อง ที่จะได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันครั้งนี้(สุดท้ายพี่ย่องจะกลายเป็นพ่อหมอจำเป็นไปโดยไม่รู้ตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า) พอผ่านจุดตรวจของสายการบินบางกอกแอร์ เวย์ ก็ออกมาก็ต้องนั่งรถขนหมู ไม่ใช่คะ รถบัสนำผู้โดยสารทั้งหมด ไปขึ้นเครื่องที่จอดรออยู่อย่างสง่างาม อยู่ในลานบิน กับ สายการบิน บางกอก แอร์เวย์ ที่จะนำพวกเราทุกท่าน เดินทางบินลัดฟ้า ไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่หลาย ๆ คน เพิ่งจะมีโอกาสได้ไปครั้งแรก แต่อีกหลาย ๆ ท่าน ก็ไปมากันหลายรอบแล้ว
แต่ละคนก็คงจะตื่นเต้นกันไม่น้อย ในการเดินทางครั้งนี้ จริง ๆ ผู้เขียนก็ตื่นเต้น  แต่เก็บอาการเอาไว้ แบบว่า นิ่งสยบทุกอย่างประมาณนั้นคะ

การเดินทาง
ใช้เวลาเดินทาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ ถึง สนามบินเมงกาลาดอน กรุงย่างกุ้ง ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ พอเครื่องขึ้น อาหารก็พร้อมเสริฟ อาหารแนะนำวันนี้ ก๋วยเตี๋ยวแห้งปลา หน้าตากับรสชาติอร่อยลิ้น แถมมองสจ๊วตหนุ่ม ๆ ไปพลาง อร่อยเพิ่มขึ้น แบบไม่ต้องเติมเครื่องปรุงกันเลยทีเดียว...


 ทานอาหารเสร็จแล้ว ลองมองออกไปนอกหน้าต่าง จะเห็นกลุ่มเมฆ บนท้องฟ้า มากมาย ดูวันนี้เมฆมากจริง คงอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาอย่างแน่นอน มองเมฆไปพลาง  สลับกับมองคนบนเครื่องไปพลาง  เผลอแป๊บเดียว สายการบินบางกอกแอร์เวย์ ก็ประกาศว่าเครื่องบิน กำลังลดระดับ ลงสู่สนามบินเมงกาลาดอน ณ กรุงย่างกุ้งแล้ว เร็วจริง ๆ ในที่สุดก็มาถึงประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ที่อยู่แค่นี้ แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสมาเยือนสักครั้ง เมื่อได้มาเยือนก็ลองไปสัมผัสกับบรรยากาศของเมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์กันดูสักหน่อยว่าเป็นเช่นไร.....
โล่งใจ เมื่อถึงสนามบิน เมงกาลาดอน โดยสวัสดิภาพ      (เป็นคนกลัวการนั่งเครื่องบินมากๆ)

พอเครื่องลงจอดสนิท ก็พบว่า ฝนกำลังตก แต่ถึงอย่างไรวันนี้พวกเราก็บ่ยั่นคะ ลุยไหนลุยกัน เฮไหนเฮกันค่ะ ต้องบอกอีกอย่างว่า เมื่อมาถึงประเทศพม่า เวลาของเขาจะช้ากว่าของไทย ประมาณ 30 นาที เราก็ต้องปรับนาฬิกาให้ตรงกับเขา เพื่อสะดวกต่อการนัดหมายค่ะ
มายืนเข้าแถวรอตรวจเอกสาร ในการผ่านเข้าประเทศ ก็มองได้เห็นถึงหน้าตาของคนตรวจ ไม่รู้ว่ารอยยิ้มหายไปไหนกันหมด หรือว่าจะต้องเข้มไว้ กลัวรอยยิ้มจะหล่นหายไป อิอิ ด้านนอกก็มีคนมานั่งรอรับญาติพี่น้อง บางก็คงรอคณะทัวร์ไทย ที่จะเดินทางมาถึงอย่างพวกเรานี่แหละค่ะ
เมื่อผ่าน ตม.ตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีก็คุณน้อง และไกด์ มารอต้อนรับ เพื่อจะนำสัมภาระของพวกเราไปขึ้นรถบัสปรับอากาศ ที่จอดรออยู่ด้านนอก...พวกเราแต่ละท่าน ก็เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบค่ะ แต่รู้สึกว่า สว.จะเลือกนั่งหน้า ส่วน สวน.ก็เลือกนั่งข้างหลัง 555 จะเป็นเหตุผลใดก็ตาม ธรรมะก็จัดสรร พื้นที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ เมื่อทุกคนพร้อม พลขับหนุ่มชาวเมียนมาร์ ก็พร้อมสตาร์ทเครื่อง มุ่งหน้าออกจากสนามบินเมงกาลาดอน มุ่งหน้าสู่จุดหมายแรกของวันนี้ คือ เมืองเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของ สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ค่ะ

คุณสุรนาถ น้องเคน  คุณน้อง  ไกด์หนุ่ม sai han (ขวัญใจอิฉัน)  และคงเป็นขวัญใจของอีกหลาย ๆ คน ก็แนะนำเส้นทางการเดินทางในวันนี้ จุดหมายปลายทาง ณ กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงใหม่ของพม่า ซึ่งเราจะต้องใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 5 ชั่วโมง บนถนนที่ชื่อว่า ซุปเปอร์ ๆ ไฮเวย์ ที่ไกด์เล่าว่า สมัยก่อนต้องใช้เวลาเดินทาง ถึง 8 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว แต่พอมีถนนซุปเปอร์ไฮเวย์นี้ขึ้นมา ก็สามารถย่นระยะเวลาในการเดินทางให้น้อยลงกว่าเดิมค่ะ

ณ เวลาบนรถแห่งนี้ พวกเราทุกคนก็ได้แนะนำตัวตน ว่าเป็นใครมาจากไหน ชื่อเสียงเรียงนามอะไร แต่มากขนาดนี้ เราเองก็ยังจำไม่หมดเลยค่ะ ขอบอก เอาเป็นว่ายิ้มให้กัน เรียกพี่บ้าง น้องบ้าง ไปพลาง ๆ ก่อน แล้วก็มารู้จักกันในภายหลังจากนี้แล้วกันนะคะ บนรถทุกคนก็ ฟังไกด์เล่าไปพลาง สลับกับคุณน้อง แต่ก็ทึ่งไกด์ สามารถพูดได้ยาว จนพวกเราหลับหลายตื่น ก็ยังเห็นไกด์พูดไม่หยุด สุดยอดไกด์ Sai Han จริง ๆ ที่มีความรู้และนำมาแบ่งปัน บอกเล่าให้พวกเราได้ฟัง โดยเฉพาะสำเนียงไทยที่พูดชัดบ้างไม่ชัดบ้าง บางคำพูดซ้ำ ๆ กัน ราบ ๆ เรียบ ๆ และก็ใช้คำได้ตรงคำพจนานุกรมไทยได้อย่างเหลือเชื่อ เช่น คำว่า โบร่ำโบราณ  ซึ่งแม้ แต่คนไทย ก็หลงลืมคำไทยดี ๆ ที่มีความหมายเหล่านี้ไปเช่นกันค่ะ  ก็น่ารักไปอีกแบบ ทำให้เห็นถึงความพยายาม ในการที่จะเรียนภาษาไทย และสื่อสารกับคณะทัวร์ไทยโดยเฉพาะ เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาเที่ยวในประเทศพม่า ส่วนมากจะเป็นคนไทยแทบทั้งสิ้น...

การเดินทางอีกยาวไกล

เพราะชีวิตคือการเดินทาง ...เราใช้เวลาในการเดินทางพอสมควร บนถนนซุปเปอร์ๆไฮเวย์ ที่จะมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงใหม่ของพม่า ที่ชื่อว่า เนปิดอว์ ซึ่ง เนปิดอว์ แปลว่า ราชธานี นั่นเองค่ะ
พลขับพาคณะ Fam Trip  มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง ด้วยรถความเร็วสูงมาก แต่ขับไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 555  ขอบอกว่า ที่ประเทศพม่า ขับรถเลนขวากันนะคะ แต่ว่าพวงมาลัยก็ยังอยู่ที่ข้างขวาเช่นเดิม เพราะเป็นรถที่สั่งเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น พวงมาลัยยังอยู่ทางด้านขวา ซึ่งไกด์บอกว่า ส่วนมากคนขับจะชอบขับพวงมาลัยด้านขวามากกว่า เพราะมันถนัดมือดี คณะรับประทานอาหารเที่ยงกันบนรถ เพื่อไม่ให้เสียเวลาของการเดินทาง อิ่มแล้ว มองหน้ากัน แล้ว ก็ฟังไกด์พูดต่อไป อย่างไม่มีทีท่าว่าข้อมูลจะหมดไปจากหัว รถขับไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องแตะเบรกกันก็ว่าได้ โขยกเขยกกันไปตลอดทาง แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรค สำหรับผู้เริ่มต้นจะไปอิสราเอน เลบานอน แล้วก็อาหลับ ในที่สุดค่ะ 555  หลับกันไปสักพัก แล้วเราก็มาถึงจุดจอดรถพักเข้าห้องน้ำระหว่างทาง ซึ่งก็ใช้เวลามากพอสมควร กว่าจะถึงที่พักระหว่างทาง ก็แวะทำธุระส่วนตัว ซื้อของขบเคี้ยว ถ่ายรูป กันอย่างเพลิดเพลิน....




<!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]-->

เมื่อซื้อของเสร็จสรรพ ก็พร้อมเดินทางกันต่อไป และกว่าจะได้เข้าห้องน้ำอีกครั้ง ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ทุกคนก็หลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทาง ฟังไกด์เล่าไปบ้าง เก็บข้อมูลไปพลาง พอเข้าเมืองเนปิดอว์ ไกด์ก็ปลุกให้พวกเราตื่น บอกให้เราดูนั่น ดูนี่ แต่ก็แอบมองถนนไปด้วย ว่าไหนนะถนนที่ว่า 20 เลน ก็ยังไม่เห็นสักที แอบคิดว่าหลอกเราหรือเปล่า มีไม่กี่เลนเอง 555


แวะเข้าห้องน้ำกันอีกรอบ......กลางห้างหรู ใจกลางเมืองเนปิดอว์
แต่ละคนก็ได้ของติดไม้ติดมือกันละเล็กละน้อย...                                          พอได้ใช้เงินจ๊าต ที่แลกมากับไกด์ บนรถบัส
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->การแลกเงิน 1,000 บาทไทย สามารถ แลกได้ 23,000 จ๊าตของพม่า                     ทีนี้ก็ได้ใช้เงินกันเป็นหมื่นล่ะ สุดยอดมาก






เข้าเมืองเนปิดอว์......
ชื่นชมกับเมืองหลวงใหม่ ของพม่า เมืองเนปิดอว์ โดยรัฐบาลทหารพม่าได้ประกาศให้ใช้ชื่อเมืองอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2549 ซึ่งเป็นกองทัพของพม่าด้วย เมืองนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัตปแว (Kyatpyae)  ที่สำคัญเมืองนี้ ยังเป็นเมืองเดียวของพม่าที่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
จุดโดดเด่น ที่ไกด์พาคณะมาชม คงจะไม่พ้น แดนสวรรค์ หรือวิมานอะไรสักอย่าง ที่พวกเราได้มองเห็นอยู่ในขณะนี้ มันช่างใหญ่โต มโหฬารเสียจริง ๆ มีรั้วรอบขอบชิด แม้จะมองไม่เห็นชัดมากมาย เพราะเห็นไกล ๆ แต่ก็งดงาม และแฝงไปด้วยมนต์ขลังอันเป็นเอกลักษณ์ ที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมเมืองนี้ได้ไม่ยาก รถเคลื่อนออกจากจุดแรกที่พวกเราถ่ายรูป ก็ไปชมรัฐสภาด้านหน้า คราวนี้พวกเราก็ได้เห็นถนน 20 เลน สักที อยู่ฝั่งด้านหน้าของรัฐสภานี่เองค่ะ คงจะเป็นถนนที่ทหารใช้เดินสวนสนามกันแน่นอน มันกว้างขวาง อย่างที่เขาบอกเอาไว้จริง ๆ นั่นแหละค่ะ ชื่นชมรัฐบาลทหารพม่า จริง ๆ นะคะ ที่กล้าจะย้ายเมืองหลวงออกมาไกลขนาดนี้ เป็นการกระจายรายได้สู่ชนบทได้อย่างแท้จริง
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->






ออกจากตัวรัฐสภา แดนสวรรค์ วิมาน ก็มิปาน ไปแวะเวียนผ่าน                    วงเวียน อลูมิไล้ ตามที่ไกด์บอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า                                      ตอนแรกทุกคนก็นึกว่าไกด์มีมุกตลกเล่นคำผวนซะแล้ว                          แต่จริง ๆ แล้ว วงเวียนอลูมิไล้ ก็คือ วงเวียนดอกไม้อันมหึมานี่เองค่ะ

นำภาพวงเวียนอลูมิไล้ มาให้ชม เป็นภาพที่ถ่ายตอนกลางคืน

<!--[if !vml]--><!--[endif]-->


ชมช้างเผือก
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->รถ วิ่งไปตามถนนของกรุงเนปิดอว์ จะพาไปชมช้างเผือก                         ที่โรงเลี้ยงช้างเผือก (ฝีมือการถ่ายเข้าขั้นไม่ดีเลยนะเนี่ย)





ชมช้างเผือก ที่ได้ฝีมือช่างภาพ เข้าขั้นห่วย ถ่ายมาให้ชมไปชมกันพลาง ๆ ก่อนนะคะ
หากใครมีภาพสวย ๆ กว่านี้จะเมตตาส่งมาให้ ก็ไม่ว่ากันจะได้เปลี่ยนให้งามกว่านี้



นมัสการพระมหาเจดีย์อุปปาตศานติ
แสงทองของเจดีย์ สามารถสะกดสายตาทุกคู่ ให้เพ่งมองไปที่มหาเจดีย์อย่างไม่ต้องสงสัย ในความยิ่งใหญ่อลังการ ที่ปรากฏต่อสายตาของทุกท่าน
พระมหาเจดีย์อุปปาตศานต หรือ เจดีย์แห่งสันติภาพ จำลองมาจากพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ในกรุงย่างกุ้ง แต่มีความสูงไม่เท่าพระมหาเจดีย์ชเวดากอง
บนยอดฉัตรบรรจุพระเขี้ยวแก้ว และพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลจีน บนยอดจะประดับด้วยแผ่นทอง และอัญมณี ต่าง ๆ เช่นเดียวกับ พระมหาเจดีย์ชเวดากองค่ะ
แต่จะเห็นได้ว่า มีการออกแบบให้ภายในพระมหาเจดีย์ เป็นห้องโถงกว้าง สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้ พักหลบร้อน และมีประติมากรรมหลากหลายทางศาสนาให้ได้ชมกันอีกด้วยค่ะ

<!--[if !vml]--><!--[endif]-->


ธรรมเนียมปฏิบัติในการขึ้นไปนมัสการ และสักการะ

ก่อนขึ้นไปนมัสการเจดีย์อุปปาตศานติ แต่ทุกท่านจะต้องถอดรองเท้า                        และใส่ผ้าถุง ใสโสร่งคลุมให้เรียบร้อย
ถือเป็นธรรมเนียมที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกียรติและเคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
<!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]-->แต่ละคนก็มุ่งมั่น ในการถ่ายรูปกันอย่างเมามัน ดูแต่ละรูป ที่ได้มา                  ก็ขออนุญาตนำภาพสวย ๆ มาให้ได้ชมกันนะคะ
<!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]-->









ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นกันเสียที หลังจากเดินชมความงดงาม ของเมืองเนปิดอว์ นมัสการองค์พระมหาธาตุเจดีย์อุปปาตศานติ
<!--[if !vml]-->
<!--[endif]-->

ณ ร้านอาหาร ไพลิน ที่ถูกปากคนไทย     กับรสชาติอาหารที่เฝ้าถวิลหามา

<!--[if !vml]--><!--[endif]--> <!--[if !vml]--><!--[endif]-->





มาถึงตอนรับประทานอาหารเย็น ทุกคนก็เริ่มคุยกันอย่างออกรส ออกชาติ ได้รู้จักมักจี่กันมากขึ้น ว่าใครเป็นใคร อายุมาก อายุน้อย ไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าวันนี้และวันพรุ่งนี้ เราจะมีชะตาชีวิตไม่ต่างกัน และเป็นมิตรภาพที่ได้พบกันถึงในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งนี้  ณ สาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ มิตรภาพเกิดขึ้นแล้ว....
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็ต้องรีบออกเดินทาง เพราะในค่ำคืนนี้ เราจะต้องไปพักค้างคืนกันถึงเมืองตองอู ใช้เวลาเดินทาง อีกประมาณ 2 ชั่วโมง

แต่ก่อนจะเดินทางไปเมืองตองอู คณะได้แวะเยี่ยม โรงแรมหลาย ๆ แห่ง ในเมืองเนปิดอว์ แต่สภาพอากาศก็ไม่เป็นใจ มีฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ทำให้ได้เยี่ยมเพียงสองแห่งเท่านั้น ที่สำคัญได้ไปสัมผัส กับห้องพักที่ครั้ง ฮิลลารี คลินตัน ได้มานอน ณ สถานที่แห่งนี้ด้วย
โรงแรมแห่งแรกที่ไปเยี่ยมชม

โรงแรมแห่งที่สอง ที่ไปเยี่ยม โรงแรมนี้ที่ฮลลารี คลินตันได้มาพัก
ห้องนอนของฮิลลารี คลินตัน

อ่างล้างหน้าที่ฮิลลารี เคยใช้

ที่รีดผ้า มิทราบ ฮิลลารี คลินตัน ว่าจะได้ใช้หรือเปล่า

เมื่อกินอิ่ม หนังท้องตึง ตาก็เริ่มหย่อน หมดสภาพ แตกต่างกันเป็นคนละคนจากเมื่อกลางวัน เริ่มเข้าสู่อาการภวังค์ไปคนละเล็กละน้อย จนผล็อยหลับไป อย่างไม่สะทกสะท้าน ต่อหนทางข้างหน้า บนถนนอันมืดมิด มีเพียงแสงจากไฟรถ ที่วิ่งมาให้เห็นประปรายบ้าง นาทีนี้ขอฝาก ชีวิตน้อย ๆ แต่มีค่า ไว้กับพลขับผู้จัดเจนเส้นทาง

เมืองตองอู
 แล้วเมื่อถึงจุดหมายปลายทางอีกครั้ง เสียงไกด์หนุ่ม Sai han ปลุกให้เราได้ตื่น “ตอนนี้เรากำลังเข้าประตูเมืองของเมืองตองอูแล้ว”
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->ซึ่ง ประตูเมืองของเมืองตองอู มีถึง 20 ประตู และนี่เป็นเพียง 1 ประตู ที่เราได้เดินทางผ่านเข้าไป ค่ำคืนแห่งความหฤหรรษ์นี้ เราจะพักค้างคืนกัน ณ โรงแรม Kaytumadi Hotel เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาว ดีที่สุดของเมืองตองอู ซึ่งเป็นโรงแรมไม้สักทองทั้งหลัง เห็นบรรยากาศแล้ว ก็ทำให้ง่วงขึ้นมากะทันหัน อยากจะพิงเสาหลับไปตรงนั้นเลยถ้าทำได้ คณะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พาเข้าที่พัก พักผ่อน และนอนหลับกันไปเพราะความเมื่อยล้าของการเดินทาง เพราะส่วนใหญ่เราใช้เวลาอยู่บนรถบัส ซะส่วนใหญ่ ค่ำคืนนี้ขอให้ทุกคนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์
<!--[if !vml]--><!--[endif]-->








วันนี้ต้องขอขอบคุณ คณะผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้
คุณตึ๋ง คุณน้อง คุณเล็ก อาจารย์จรูญ พี่อิม พี่แจน พี่น้ำฝน พี่เล็ก พี่วู  พี่อ้อ พี่จิ๊บ พี่จำลอง พี่ย่อง พี่อ้อ น้องน้ำ น้องแก้ว น้องเคน พี่กฤต  ไกด์ sai han และที่ขาดไม่ได้คือ พลขับฝีมือดี และ ผู้ติดตาม
ที่นำพวกเรามาถึงจุดหมายปลายทาง ยังเมืองตองอูนี้ โดยสวัสดิภาพ อาจจะกล่าวชื่อเสียงเรียงนามไม่หมด ต้องกราบขออภัยมานะที่นี้ด้วย
และขอบคุณภาพสวย ๆ จากทุกคน ที่ได้ร่วมกันแบ่งปันในครั้งนี้ค่ะ

ที่สำคัญที่สุด ต้องขอขอบคุณ สายการบินบางกอก แอร์เวย์                    ที่นำพวกเราทุกคน บินลัดฟ้า สู่ประเทศเพื่อนบ้าน  และขอขอบคุณการท่องเที่ยวพม่า WWW.MYANMAR-CENTER.COM                                        พบกันใหม่ กับการเดินทางในวันที่สอง จากตองอู-ไปถึงกรุงหงสาวดี แล้วจะพาไปผจญภัยในการขึ้นเขาสูง ไปสักการะพระธาตุศักดิ์สิทธิ์                   พระธาตุอินทร์แขวน
อย่าพลาดนะคะ............................
พบกันตอนหน้า ของวันที่ 2 ของการเดินทาง
(ถ้าเริ่มขยันเขียน ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

Rujira nok (ผู้ดำเนินเรื่องราว)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น